วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

แผ่นวงจรพิมพ์


แผ่นวงจรพิมพ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แผ่นวงจรพิมพ์
แผ่นวงจรพิมพ์ หรือ พีซีบี (อังกฤษprinted circuit board: PCB) หรือนิยมเรียกว่า แผ่นปรินต์ เป็นแผงที่มีลายทองแดงนำไฟฟ้าอยู่ใช้สำหรับต่อวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อประกอบเป็นวงจร แทนการต่อวงจรด้วยสายไฟ ซึ่งมีความซับซ้อนและยุ่งยาก โดยแผงวงจรนี้อาจมีเพียงด้านเดียวหรือสองด้าน หรือสามารถวางซ้อนกันได้หลายๆ ชั้น (Multi layer) ได้เช่นกัน ตามความต้องการของผู้ออกแบบ

[แก้]ดูเพิ่ม

[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น

ไอซี 555


ไอซี 555

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไอซี 555 เบอร์ NE555 จาก Signetics ตัวถังสี่เหลี่ยม (DIP)
บล็อกไดอะแกรม และตำแหน่งขา
ไอซี 555 (อังกฤษIC 555) เป็นวงจรรวม หรือวงจรเบ็ดเสร็จ ที่เรียกกันทั่วไปว่า ชิป ที่รู้จักกันดีในบรรดานักอิเล็กทรอนิกส์ ไอซีตัวนี้ได้รับการออกแบบ และประดิษฐ์โดยนักออกแบบชิปที่มีชื่อเสียง ชื่อนั่นคือนายฮันส์ อาร์ คาเมนซินด์ (Hans R. Camenzind) โดยเริ่มออกแบบเมื่อ พ.ศ. 2513 และแนะนำผลิตภัณฑ์ในปีถัดมา โดยบริษัทซิกเนติกส์ คอร์ปอเรชัน (Signetics Corporation) มีหมายเลขรุ่น SE555/NE555 และเรียกชื่อว่า "The IC Time Machine" มีการใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เพราะสามารถใช้งานง่าย ราคาถูก มีเสถียรภาพที่ดี ในปัจจุบันนี้ บริษัทซัมซุงของเกาหลี สามารถผลิตได้ปีละกว่า 1 พันล้านตัว (ข้อมูลพ.ศ. 2546)
ไอซีไทเมอร์ 555 นับเป็นวงจรรวมที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและเป็นที่นิยมมากที่สุดตัวหนึ่งเท่าที่เคยผลิตมา ภายในตัวประกอบด้วยทรานซิสเตอร์23 ตัว, ไดโอด 2 ตัว และรีซิสเตอร์อีก 16 ตัว เรียงกันบนชิปซิลิกอนแผ่นเดียว โดยติดตั้งในตัวถัง 8 ขา แบบมินิ DIP (dual-in-line package) นอกจากนี้ยังมีการผลิตไอซี 556 ซึ่งเป็น DIP แบบ 14 ขา โดยอาศัยการรวมไอซี 555 จำนวน 2 ตัวบนชิปตัวเดียว ขณะที่ 558 เป็นไอซีอีกตัวหนึ่งที่พัฒนาขึ้นจาก 555 เป็น DIP แบบ 16 ขา (quad) โดยรวมเอา 555 จำนวน 4 ตัว (โดยมีการปรับแต่งเล็กน้อย) มาไว้บนชิปตัวเดียว (DIS และ THR มีการเชื่อมต่อกันภายใน ส่วน TR นั้นมีค่าความไวที่ขอบแทนที่จะเป็นความไวทั้งระดับ) นอกจากนี้ยังมีรุ่นกำลังต่ำพิเศษ (ultra-low power) ของไอซี 555 นั่นคือ เบอร์ 7555 สำหรับไอซี 7555 นี้จะมีการเดินสายที่แตกต่างไปเล็กน้อย ทั้งยังมีการใช้กำลังไฟที่น้อยกว่า และอุปกรณ์ภายนอกน้อยกว่าด้วย
ไอซี 555 มีโหมดการทำงาน 3 โหมด ดังนี้
  • โมโนสเตเบิล (Monostable) ในโหมดนี้ การทำงานของ 555 จะเป็นแบบซิงเกิ้ลช็อต หรือวันช็อต (one-shot) โดยการสร้างสัญญาณครั้งเดียว ประยุกต์การใช้งานสำหรับการนับเวลา การตรวจสอบพัลส์ สวิตช์สัมผัส ฯลฯ
  • อะสเตเบิล (Astable) ในโหมดนี้ การทำงานจะเป็นออสซิลเลเตอร์ การใช้งาน ได้แก่ ทำไฟกระพริบ, กำเนิดพัลส์, กำเนิดเสียง, เตือนภัย ฯลฯ
  • ไบสเตเบิล (Bistable) ในโหมดนี้ ไอซี 555 สามารถทำงานเป็นฟลิปฟล็อป (flip-flop) ถ้าไม่ต่อขา DIS และไม่ใช้คาปาซิเตอร์ ใช้เป็นสวิตช์ bouncefree latched switches เป็นต้น

เนื้อหา

 [ซ่อน]

[แก้]การใช้งาน

ขาของไอซีแต่ละขา มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
ขาชื่อหน้าที่
1GNDกราวด์ หรือ คอมมอนส์
2TRพัลส์สั้นกระตุ้นทริกเกอร์เพื่อเริ่มนับเวลา
3Qช่วงการนับเวลา เอาต์พุตจะอยู่ที่ +VCC
4Rช่วงเวลานับ อาจหยุดโดยการใช้พัลส์รีเซ็ต
5CVแรงดันควบคุมยอมให้เข้าถึงตัวหารแรงดันภายใน (2/3 VCC)
6THRเทรสโฮลด์ที่จุดช่วงเวลานับ
7DISเชื่อมต่อกับคาปาซิเตอร์ตัวหนึ่ง ซึ่งเวลาคายประจุของมันจะมีผลต่อช่วงเวลาการนับ
8V+, VCCแรงดันจ่ายไฟบวก ซึ่งต้องอยู่ในช่วง +5 ถึง + 15 V
เมื่อใช้คาปาซิเตอร์ และรีซิสเตอร์มาต่อร่วม จะสามารถปรับช่วงการตั้งเวลา (นั่นคือ ช่วงเวลาที่เอาต์พุตมีค่าต่ำ) ตามความต้องการใช้งานได้
สำหรับการเชื่อมต่อเป็นดังนี้
Example 555 schematic
แผนผังการเชื่อมต่อไอซี 555
ช่วงเวลา t คำนวณได้จาก
t = 1.1RC
ซึ่งเป็นเวลาที่ใช้เพื่อประจุตัวเก็บประจุให้ได้ 63% ของแรงดันที่จ่าย (ค่าจริง : (1-1/e) V) ดูเพิ่มเติมที่ วงจรอาร์ซี (RC circuit) สำหรับคำอธิบายของปรากฏการณ์ดังกล่าว

[แก้]ข้อมูลจำเพาะ

ข้อมูลจำเพาะต่อไปนี้เป็นของรุ่น NE555 สำหรับไอซีไทเมอร์ 555 รุ่นอื่นๆ อาจมีข้อมูลจำเพาะที่แตกต่างออกไป ขึ้นกับเกรดการใช้งาน เช่น เกรดกองทัพ หรือทางการแพทย์ เป็นต้น)
แรงดันจ่าย (VCC)4.5 to 15 V
กระแสจ่ายต่ำสุด (VCC = +5 V)3 to 6 mA
กระแสจ่ายสูงสุด (VCC = +15 V)10 to 15 mA
กระแสขาออก (สูงสุด)200 mA
กำลังไฟฟ้า600 mW
อุณหภูมิการทำงาน0 to 70° C

[แก้]ผู้ผลิตรายต่างๆ

มีผู้ผลิตไอซี 555 หลายรายด้วยกัน รวมทั้งรุ่นซีมอส (CMOS) โดยแต่ละบริษัทจะกำหนดเบอร์ต่างๆ กันดังนี้
ผู้ผลิตเบอร์
ECG PhilipsECG955M
ExarXR-555
FairchildNE555/KA555
HarrisHA555
IntersilSE555/NE555
Lithic SystemsLC555
MaximICM7555
MotorolaMC1455/MC1555
NationalLM1455/LM555C
NTE SylvaniaNTE955M
RaytheonRM555/RC555
RCACA555/CA555C
SanyoLC7555
Texas InstrumentsSN52555/SN72555

[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น

หลอดสุญญากาศ


หลอดสุญญากาศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไดโอดหลอดสุญญากาศ
ไตรโอดหลอดสุญญากาศ
หลอดสุญญากาศ RCA ไตรโอดชนิด 808
หลอดสุญญากาศ (อังกฤษvacuum tube) หรือ หลอดอิเล็กตรอน (electron tube : ในอเมริกา) หรือ วาล์วเทอร์มิออนิค (thermionic valve : ในอังกฤษ) ในทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึงอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการขยายสัญญาณหรือทำหน้าที่เป็นสวิตช์ เพื่อสร้างสัญญาณทางไฟฟ้าขึ้นจากการควบคุมการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนผ่านบริเวณที่มีอากาศ หรือก๊าซเบาบาง ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่ใช้อธิบายการนำไฟฟ้าก็คือ ปรากฏการณ์เทอร์มิออนิค อิมิตชัน(thermionic emission)ซึ่งอธิบายว่าเมื่อโลหะถูกทำให้ร้อนจนถึงระดับหนึ่งด้วยการป้อนกระแสไฟฟ้าจะทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกมาที่ผิวของโลหะ เมื่อทำการป้อนศักย์ไฟฟ้าเพื่อดึงดูดอิเล็กตรอนที่หลุดออกมาอยู่ที่ผิวด้วยขั้วโลหะอีกขั้วหนึ่งที่อยู่ข้างๆ จะทำให้เกิดการไหลของกระแสได้ เราเรียกหลอดสุญญากาศที่มีขั้วโลหะเพียงสองขั้วนี้ว่า หลอดไดโอด (Diode)โดยขั้วที่ให้อิเล็กตรอนเรียกว่า คาโธด(Cathode) และขั้วที่รับอิเล็กตรอนเรียกว่า อาโนด(Anode)การไหลของกระแสไฟฟ้าของหลอดไดโอดเป็นแบบไม่เป็นเชิงเส้น(Non-linear current) กล่าวคือ เมื่อป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับขั้วอาโนดและศักย์ไฟฟ้าลบให้กับขั้วคาโธดจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลดังที่ได้อธิบายผ่านมา แต่เมื่อป้อนศักย์ไฟฟ้ากลับทางคือ ป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับคาโธดและป้อนศักย์ไฟฟ้าลบให้กับอาโนดจะทำให้กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลได้ ซึ่งเป็นผลมาจากอิเล็กตรอนถูกผลักด้วยผลของสนามไฟฟ้านั้นเอง ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้จึงทำให้สามารถนำหลอดไดโอดไปใช้เป็นอุปกรณ์เรียงกระแส(rectifier)ได้
ต่อมาได้มีการพัฒนาหลอดไดโอดโดยใส่ขั้วโลหะตาข่ายระหว่างขั้วอาโนดและขั้วคาโธด เรียกว่า กริด (Grid) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นส่วนควบคุมปริมาณกระแสให้ไหลมากน้อยได้ตามศักย์ไฟฟ้าที่ป้อนให้กับขั้วกริด อุปกรณ์ที่มีขั้วโลหะ 3 ขั้วนี้เรียกว่า หลอดไตรโอด (Triode)ซึ่งสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณได้

[แก้]อ้างอิง

วาแรกเตอร์


วาแรกเตอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สัญลักษณ์ของวาแรกเตอร์
ในทางอิเล็กทรอนิกส์ วาแรกเตอร์ หรือ วาริแคป หรือ จูนนิ่ง ไดโอด (varicap, varactor, tuning diode) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประเภทไดโอด มีความสามารถแปรค่าความจุได้

[แก้]การใช้งาน

วาแรกเตอร์มักจะใช้ในพารามีตริกแอมปลิไฟร์, พารามีตริก ออสซิลเลเตอร์ และออสซิลเลเตอร์แบบควบคุมด้วยความถี่ อันเป็นส่วนหนึ่งของเฟสล็อกลูป และเครื่องสังเคราะห์ความถี่ (frequency synthesizer) โดยหลักแล้ว จะนำไปใช้เป็นคาปาซิเตอร์ควบคุมด้วยแรงดัน และทำหน้าที่เร็กติไฟเออร์เป็นอันดับรองลงมา

[แก้]การทำงาน

โครงสร้างภายในของวาแรกเตอร์
หลักการทำงานของวาแรกเตอร์

[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น